สิทธิในการเลือก ( Choice )

 
 


วิศรุต จินดารัตน

ความเจริญทางด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีส่งผลให้เกิดการพัฒนาในแทบทุกด้าน มนุษย์ประยุกต์ใช้ความรู้เพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสบายแก่ตนเอง มีทางเลือกในการเข้าถึงสินค้าและบริการเกิดขึ้นมากมาย อาทิเช่น ด้านสุขภาพ มีสถานพยาบาลของรัฐ และเอกชนหลายแห่งไว้คอยบริการ ด้านอุปโภคบริโภคมีห้างสรรพสินค้าเกิดขึ้นแทบทุกมุมเมือง ด้านคมนาคมมีโครงข่ายที่เชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึง ด้านบันเทิง มีสถานีวิทยุโทรทัศน์หลากหลายรายการ มีดนตรีในแต่ละประเภทแต่ละแนวให้เลือกฟัง ชีวิตของมนุษย์ทุกวันนี้จึงเต็มไปด้วยทางเลือกที่เราเองจะต้องใช้สิทธิในการเลือกอย่างรอบคอบที่สุด

 
 

มนุษย์ได้รับสิทธิในการเลือกตั้งแต่ครั้งปฐมกาลเมื่อพระเป็นเจ้าทรงบัญชาแก่มนุษย์คู่แรกว่าบรรดาผลไม้ทุกอย่างในสวนเอเดนที่พระเจ้าได้เนรมิตสร้างนั้น เขามีสิทธิในการกินได้ทั้งหมด เว้นแต่ต้นไม้แห่งความสำนึกในความดีและความชั่วนั้น เป็นสิ่งต้องห้าม แต่มนุษย์ก็หาเชื่อฟังไม่ เขาได้ใช้สิทธิในการเลือกทำสิ่งที่ผิด ดังนั้นจึงต้องตกอยู่ในความบาปซึ่งเป็นผลมาจากการเลือกของตน เมื่อมีสิทธิในการเลือกเราจะเลือกอะไร และอย่างไรจึงจะเป็นการเลือกที่ถูกต้องสอดคล้องกับน้ำพระทัยของ พระเจ้า การเลือกที่ถูกต้องตามพระคริสตธรรมคัมภีร์นั้น มีดังนี้

ประการแรก : เลือกทำความดี ( Choose good, not evil )

เมื่อเรามีสิทธิในการเลือกระหว่างความดีกับความชั่ว แน่นอนเราต้องเลือกทำในสิ่งที่ดี ความดีเป็นพลังที่ยึดเหนี่ยวสังคมให้เกิดความเข้มแข็ง เป็นชุมชนแห่งปัญญาที่ร้อยรัดผู้คนในสังคมให้ผูกพันมีความเป็นพี่น้องกัน ( Kinship ) รักใคร่และปรองดองกัน

พระธรรมอาโมส 5 : 15 “ จงเกลียดชังความชั่ว และรักความดี ”

“ Hate what is evil, love what is good.”

เลิกประพฤติในทางอธรรม ทางแห่งการทุจริตคดโกงแต่เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม มีสำนึกแห่งความถูกต้อง ( legitimate sense ) การเลือกกระทำความดีจึงเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า

ประการที่สอง : เลือกเอาความจริง ( Choose way of truth )

พระธรรมสดุดี 119 : 30 “ ข้าพระองค์ได้เลือกทางความซื่อสัตย์ ข้าพระองค์ยึดถือ

ประพฤติปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ ”

“I have chosen the way of truth; I have set my heart on

your laws.”

ผู้เขียนพระธรรมสดุดีเป็นบุคคลนิรนามที่ไม่อาจค้นหาว่าเป็นใคร แต่ท่านได้ยืนยันอย่างชัดเจนในการเลือกประพฤติปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้า เลือกทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า สิทธิในการเลือกของเขา จึงเป็นที่ชอบและสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระองค์

ประการสุดท้าย : เลือกเดินตามพระเจ้า

( Choose whom you will follow )

พระธรรมโยชูวา 24 : 15 “ ถ้าท่านไม่เต็มใจที่จะปรนนิบัติพระเจ้า ท่านทั้งหลายก็จง

เลือกเสียในวันนี้ว่าท่านจะปรนนิบัติผู้ใด ......แต่ส่วนข้าพเจ้า

และครอบครัวของข้าพเจ้า เราจะปรนนิบัติพระเจ้า ”

ชนชาติอิสราเอลต้องทำการตัดสินใจเลือกว่าจะเดินตามผู้ใด หากเขาจะเดินตามพระเจ้าก็ต้องเลือกตัดสินใจตั้งแต่เดี๋ยวนี้ หรือจะเลือกเดินตามพระอื่น สิทธิในการเลือกเป็นของเขา ( The choice is yours ) เมื่อเราเลือกเดินตามพระเจ้า พระองค์ก็จะทรงดูแลชีวิตของเราเสมอ ( He will reaffirm your choice )

โยชูวาได้ตัดสินใจเลือกเดินตามพระเจ้าโดยไม่กลัวว่าจะต้องพบกับอะไร เขาและครอบครัวได้แสดงออกอย่างชัดเจนในสิทธิการเลือก ซึ่งเป็นการเลือกที่ถูกต้องตามพระประสงค์ของ พระเจ้า

สังคมไทยกำลังเผชิญกับ “ ทางสองแพร่ง ” หรือ “Dilemma” เป็นภาวะที่ต้องเลือกในสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาถึงสองทางเลือก รัฐบาลสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้แต่ไม่อาจปกครองทั้งประเทศ การสนทนาพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ถูกมองเป็นเรื่องของการเมืองซึ่งมีการแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน จะพูดจากับใครต่างต้องระมัดระวังตัวเพราะไม่อยากให้เกิดความแตกแยกหรืออาจถูกมองว่าสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ถึงอย่างไรก็ตามในฐานะพลเมืองเรามีหน้าที่ต้องเลือกตัดสินใจโดยไม่อ้างความเป็นกลาง ( The choice has to be made between two equally undesirable alternatives )

นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย ได้ปาฐกถาเรื่อง “ ปฏิรูปสังคมและการเมืองครั้งใหม่ ” ในการเสวนาวิชาการครั้งที่หนึ่ง จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าวและโทรทัศน์ไทย เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2549 ที่ห้องคอนเวนชั่นฮอล์ เอ โรงแรมแอมบาสเดอร์

“ ..........ผมขอประกาศตัวว่า ผมไม่เป็นกลาง ในชีวิตผมไม่เคยเป็นกลางระหว่างความถูกต้องและความผิด ไม่เป็นกลางระหว่างความดีกับความชั่ว ไม่เคยเป็นกลางระหว่างประชาธิปไตย และความไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่เป็นกลางระหว่างธรรมะและอธรรม ไม่เคยเป็นกลางระหว่างวิชากับอวิชา ไม่เคยเป็นกลางระหว่างกติการัฐธรรมนูญที่ถูกต้องกับกติกาที่จัดตั้ง ไม่เคยเป็นกลางระหว่างอิสรภาพของสื่อและการกีดกันอิสรภาพ ไม่เคยเป็นกลางระหว่างหลักนิติธรรมกับการใช้ความ อยุติธรรม ไม่เป็นกลางระหว่างความดีกับความไม่ดี ผมอยู่ฝ่ายหนึ่งเสมอไปและตลอดชีวิตหวังว่าฝ่ายที่ผมอยู่เป็นฝ่ายที่ถูกต้อง ”

สังคมไทยใช้คำว่าเป็นกลางพร่ำเพรื่อเกินไปถึงเวลาที่เราจะต้องใช้สิทธิในการเลือกในฐานะนักเรียน เราจึงต้องเลือกทำความดี อยู่ฝ่ายดี ( Choose good, not evil ) เลือกเอาความจริง ( Choose way of truth ) และเลือกเดินตามพระเจ้า (Choose whom you will follow )

หวังว่าทุกคนจะใช้สิทธิในการเลือก และเลือกในสิ่งที่ถูกต้องเสมอโดยการทรงนำขององค์พระผู้เป็นเจ้า