พระบิดานิรันดร์

 
 


วิศรุต จินดารัตน

 

พระธรรมอพยพ 20 : 12 , เอเฟซัส 3 : 14-15  

มีคำกล่าวว่า บ้าน คือ โรงเรียนหลังแรกของนักเรียน มีคุณพ่อคุณแม่เป็น “ ครูคนแรก ” ของลูก และโรงเรียนเป็น “ บ้านหลังที่สอง ” ของนักเรียน และ “ คุณครู ” เป็นเสมือน “ คุณพ่อคุณแม่ ” คนที่สอง ในบ้านหลังที่สอง

 
 

       คำว่า บ้าน แปลว่า สิ่งปลูกสร้างสำหรับเป็นที่อยู่อาศัย เราทุกคน มีบ้าน และในบ้านมีครอบครัวประกอบด้วยคุณพ่อคุณแม่ และลูก แต่บางบ้านมีคนในครอบครัวมากเท่านั้น อย่างไรก็ตามหัวหน้าครอบครัว ก็คือ “ คุณพ่อ ” และวันนี้ เป็น “ วันพ่อแห่งชาติ ” จึงขอเน้นเฉพาะคำว่า “ คุณพ่อ ” ซึ่งเป็นวันที่จะสร้างจิตสำนึกให้บุตรธิดา ได้แสดงความรัก ความกตัญญู ต่อผู้เป็นพ่อ มีกิจกรรม "วันพ่อ ” ทุกแห่งโดยเฉพาะ ในสถาบันการศึกษา

โดยปกติแล้วในครอบครัว จะมีเวลาที่คุณพ่อคุณแม่และลูก อยู่ร่วมกันรับประทานอาหารด้วยกัน เป็นเวลาของวันหยุด ก็จะมีเวลา อยู่ด้วยกันมากขึ้น หรือไม่ก็จะพาครอบครัวออกไปเที่ยว เพื่อผ่อนคลาย จากการตรากตรำทำงาน เป็นเวลาของครอบครัวจริงๆ

แต่ตัวแปรสำหรับในสังคมปัจจุบันก็คือ ครอบครัวมีเวลาอยู่ร่วมกันน้อยลง เพราะอาชีพการงานและหน้าที่ต่างๆ และสภาพไม่คล่องตัวของการออกไปทำงานและการกลับบ้านของชีวิตบนถนนด้วย

เวลาส่วนใหญ่ของคนในกรุงเทพฯ อยู่ที่ทำงานและยู่ในรถ บนท้องถนนที่การจราจรติดขัด ดังนั้นเวลาที่จะให้กับครอบครัวจึงลดลงเหลือเพียงน้อยนิด

คงได้ยินคำที่กล่าวว่า “ เวลาเป็นเงินเป็นทอง ” ( Time is Money ) เป็นการสื่อให้เห็นว่าทุกคนต้องทำงานจึงจะได้เงินมาใช้ จะได้มี เครื่องบริโภค อุปโภคในการดำรงชีวิต แต่บางคนหลงประเด็น เห็น “ เงิน ” สำคัญกว่า “ ชีวิต ” ตั้งหน้าตั้งตาหาเงินทอง โดยไม่คำนึงถึงชีวิตของคนและครอบครัว

มีเด็กชาวอเมริกันคนหนึ่ง เขาแปลกใจมากว่า ทำไมพ่อไม่มีเวลา ให้เขากับคุณแม่ของเขา พ่อออกจากบ้านไปทำงาน เขายังไม่ตื่นนอน ตอนเย็นกว่าพ่อจะกลับบ้าน เขาเข้านอนแล้ว เวลาที่จะอยู่กับแม่ และอยู่กับลูกแทบจะไม่มี ถ้าถามพ่อก็จะบอกว่า พ่อต้องไปทำงานหาเงินมาให้แม่และลูกใช้จ่ายอย่างไรล่ะ เด็กคนนี้เป็นคนช่างถาม เมื่อสบโอกาสเขาถามพ่อว่า พ่อหาเงินได้วันละเท่าไร ? พ่อก็ตอบลูกไปตามจริง ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ลูกชายเริ่มอดออมค่าขนม และเงินพิเศษ และสะสมไว้เป็นเวลานานกว่าจะได้เงินส่วนที่พ่อบอกไว้

เช้าวันหนึ่ง เขาตื่นแต่เช้า และยื่นถุงเงินที่อดออมมาเป็นเวลานาน ให้พ่อพร้อมกับบอกว่า คุณพ่อครับ เงินจำนวนนี้เท่ากับค่าแรงงานที่พ่อทำในหนึ่งวัน คุณพ่อได้รับ ผมขอซื้อเวลาของคุณพ่อหนึ่งวัน เพื่อคุณพ่อจะได้อยู่กับผมและคุณแม่ เราจะกินข้าวด้วยกัน และไปเที่ยวด้วยกัน

คุณพ่อได้ยินดังนั้นถึงกับอึ้ง และพูดไม่ออก เขากอดลูกและร้องไห้ คำกล่าวที่ว่า “ เวลาเป็นเงินเป็นทอง ” ( Time is Money ) แต่ก็มีคำกล่าว อีกว่า ถ้าท่านได้ของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องสูญเสียชีวิตจะได้ประโยชน์อะไร นี่คือคำสอนของพระเยซูคริสต์

สิ่งแรกนี้เกิดขึ้นกับเราในบ้านชั่วคราว ซึ่งมีความจำกัดหลายอย่าง เราจะต้องทำสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่กันและกัน เพราะวันคืนของชีวิตไม่คอยใคร และจะไม่กลับมาอีก เรามีคุณพ่อคุณแม่ก็เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง วันหนึ่ง ก็จะต้องจากโลกนี้ไป การใช้เวลาและให้เวลาแก่กันและกัน จึงสำคัญ กว่าสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ทุกสิ่งมีเวลาของมันเอง เพราะเป็นสิ่งชั่วคราว

แต่ขอบพระคุณพระเจ้า ที่พระองค์ทรงให้ความหวังใหม่แก่เรา ด้วยการเตรียมบ้านถาวร “ ให้ ” เพื่อทุกคนที่เชื่อจะได้ลิ้มรส

ในพระคัมภีร์ตรัสสอนว่า พระเจ้าเป็นเหมือนบิดา หรือ คุณพ่อ พระองค์สอนผู้เป็นพ่อว่า

“ จงนำเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาจะ ไม่ พรากจากทางนั้น ” (สุภาษิต 22 : 6) และสอนผู้เป็นลูกว่า “ จงฟังบิดา มารดาของเจ้า ผู้ให้กำเนิดเจ้า และอย่าดูหมิ่นมารดาของเจ้า เมื่อนางแก่ ” (สุภาษิต 23 : 22 )

เพราะเป็นบัญญัติของพระบิดดาเจ้า ที่ตั้งเป็นกฏไว้ เพื่ออายุของเจ้า จะได้ยืนนานบนแผ่นดิน ซึ่งพระเจ้าของเจ้าประทานให้แก่เจ้า

พระคัมภีร์ตรัสสอนว่า “ คำว่าบิดา ของทุกตระกูล ทุกชาติในสวรรค์ ก็ดี ที่แผ่นดินโลกนี้ก็ดี มาจากคำว่าพระบิดา ” (เอเฟซัส 3 : 15 )

ในโลกนี้นอกจาก คุณพ่อหรือบิดา ของเราแล้ว ยังมีพระเจ้า ทรงเป็นพระบิดาของทุกคนในโลกนี้ที่เชื่อและวางใจในพระองค์

พระองค์ทรงอยู่กับเราตลอดเวลา และทรงอวยพระพรแก่ลูกของพระองค์เสมอ ใครก็ตามที่อยู่ในทางของพระองค์ พระองค์จะทรง อวยพระพรให้เห็นคุณค่าของชีวิตและเวลาในการอยู่ร่วมกัน

ดังนั้น วันพ่อแห่งชาติ ขอให้เราคิดถึงคุณพ่อ รักคุณพ่อ ในเวลาเดียวกันก็จะแสดงให้คนรู้ว่า เรารักคุณพ่อด้วยการกระทำ ไม่ใช่รักด้วยวาจาเท่านั้น

 

อาเมน...