พระธรรมสดุดี 43 : 1-4 พูดถึงความหวังใจในพระเจ้าแม้ในยามที่ชีวิตต้องพบกับภาวะคับขันที่สุด มีปัญหารุมล้อมทำให้ท้อถอย แต่ถึงกระนั้นผู้เขียนพระธรรมนี้ก็จะเล่นดนตรีจะร้องเพลงถวายพระผู้เป็นเจ้าอย่างมั่นคง
- ดนตรีสื่อกระตุ้นพัฒนาการของทารกและเด็ก เสียงดนตรีสามารถกล่อมเกลาจิตใจของทารกให้เป็นผู้ที่มีสุนทรีย์ทางอารมณ์ มีจิตใจอ่อนโยนได้ในเวลาต่อมา เป็นจังหวะชีวภาพ ( Biorhythm ) ที่ส่งผลต่อร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา จึงเป็นเด็กที่มีพัฒนาการได้เร็วและดีกว่าคนอื่น
- ดนตรีเป็นสื่อในกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคม ( Socialization ) การอบรมสั่งสอน การถ่ายถอดวิถีชีวิต ประเพณีค่านิยมของสังคม เพลงกล่อมเด็กของแต่ละท้องถิ่นที่สะท้อนค่านิยม ความเชื่อ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตขงคนในท้องถิ่นนั้นๆ
- ดนตรีเป็นวิธีบำบัดรักษาโรค ( music therapy ) ผู้ฟังดนตรีจึงรู้สึกความผ่อนคลายกังวลใจลงได้ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งนอกจากการใช้ยาบำบัดรักษา
เมื่อเสียงเพลงไม่อาจแยกออกจากชีวิตของเราทุกคนได้ เราจึงควรเรียนรู้ที่จะนำดนตรีไปใช้ในชีวิตประจำวันของเราอย่างมีคุณค่ามากที่สุด 2ประการ ดังนี้
ประการแรก : ดนตรีเพื่อยกย่องสรรเสริญพระเจ้า ( Music uses in worship God ) มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถร้องเพลงและเล่นดนตรีถวายเกียรติยศแก่พระเจ้าได้ ซึ่งวิทยาศาสตร์ไม่สามารถสังเคราะห์ ( synthesize ) และเลียนแบบได้
พระธรรม 1 พงศาวดาร 16 : 9-10 จงร้องเพลงถวายพระองค์ ร้องสดุดีถวายพระองค์ จงเล่าถึงการอัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์จงอวดพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ให้จิตของบรรดาผู้แสวงหาพระเจ้าเปรมปรีดิ์
ประการที่สอง : ดนตรีเพื่อความรื่นเริงบันเทิงใจ ( Music promotes joy ) ดนตรีทำให้ผู้ฟังเกิดความสุข ความชื่นชมยินดี รู้สึกผ่อนคลาย และมีความรื่นเริงบันเทิงใจ
พระธรรมปัญญาจารย์ 2 : 8 .....ข้าพเจ้ามีนักร้องชาย และหญิงจำนวนมากร้องเพลงและเล่นดนตรีให้ความเพลิดเพลินแก่ข้าพระเจ้า
ขอให้ชาววัฒนาทุกคนเป็นบทเพลงแห่งชีวิตที่บรรเลงเพื่อยกย่องสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจเป็นดนตรีแห่งความรักและสันติภาพที่บรรเลงขับกล่อมเยียวยารักษาสังคมไทยให้มีความสงบสุขตลอดไป