ความไว้วางใจ ( CONFIDENCE )
 

ครูศาสนา ทวิพงศ์ พันธุพงศ์ ( ผู้ช่วยศิษยาภิบาล งานด้านการประกาศพระกิตติคุณคริสตจักรวัฒนา )



พระวจนะ : เยเรมีย์ 17. 7-8 “ คนที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพระพร คือผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ที่พระเจ้า เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ ซึ่งหยั่งรากของมันออกไปข้างลำน้ำ เมื่อแดดส่องมาถึงก็ไม่กลัว เพราะใบของมันคงเขียวอยู่เสมอ และไม่กระวนกระวายในปีที่แห้งแล้ง เพราะมันไม่หยุดที่จะออกผล ”


เครียด..ทุกข์ใจ..ไม่สบายใจ คนในสมัยก่อนจะเครียดก็ต่อเมื่อเสือมากินวัว แต่ในปัจจุบัน ความเครียดมีทุกที่ทุกหนทุกแห่ง เราจะสังเกตได้จากรอยยิ้มลดน้อยลง ไม่สมกับที่ได้ชื่อว่า สยามเมืองยิ้มแล้ว คริสเตียนเรามีความเชื่อว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเรามอบไว้กับพระเจ้าได้เสมอ และทุกอย่างเป็นแผนการของพระเจ้าที่ทรงโปรดอนุญาตให้เกิดขึ้น

ในพระธรรมมัทธิว 6 ได้กล่าวว่า มีใครในพวกท่าน จะต่อชีวิตให้ยาวอีกสักศอก ไม่มีอะไรที่ดีสำหรับคนที่มีความกังวลใจ ถ้าเราวางใจในพระเจ้า เราจะได้รับพร เราจะผ่านจุดที่เราคิดมาก กังวลใจ ไปได้ และใน 1 เปโตร 5.7...จงละความกระวนกระวายของท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย... และสุภาษิต 16.20 ....บุคคลผู้สนใจในพระวจนะจะพบของดี และคนที่วางใจในพระเจ้าจะสุขสบาย.....

มีหลายคนที่ผ่านประสบการณ์ในการที่ไม่สามารถวางใจใครได้ แต่คำตอบสำหรับคริสเตียน คือ พระเจ้าทรงสามารถกระทำได้ เหมือนสุภาษิตที่เราได้ยินกันบ่อยครั้ง ที่ว่า อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง และในจุณณียบท บทที่ 23 ที่เราได้อ่านไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องการวางใจ คือ อย่าวางใจในตนเองมากกว่าพระเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นผู้นำที่ดีที่สุด

มีนิทานเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับ ความหวัง ความรัก และความหวังใจ เขาคุยกันว่า ความหวังเอ่ยขึ้นมาก่อนว่าถ้าเขาหายไป จงจุดไฟแห่งความหวัง แล้วเขาจะกลับมา ส่วนความรักก็พูดขึ้นว่า ถ้าเขาหายไปบ้าง อาจจะต้องใช้เวลานาน รอแล้วรออีก แต่อย่างไรฉันก็จะกลับมา ส่วนความไว้วางใจแทรกขึ้นมาบ้างว่า ถ้าฉันหายไป ไม่ต้องรอ เพราะเธอจะไม่ได้พบฉันอีกเลย

ขอให้เรื่องนี้เป็นข้อคิดสำหรับเราทุกคน.