ศึกษาสำเร็จทุกประการ
 
 


วิศรุต จินดารัตน

                     การไหว้ครู เป็นประเพณีอย่างหนึ่งของไทยที่นิยมมาแต่สมัยโบราณเป็นการที่ศิษย์แสดงท่านกตเวทีต่อครูด้วยความเคารพคารวะ ยอมรับนับถือครูอย่างจริงใจว่า ท่านเพียบพร้อมด้วยความรู้ และคุณธรรม ศิษย์ในฐานะผู้สืบทอดมรดกทางวิชาการ ขอรับการถ่ายทอดความรู้ด้วยความวิริยะอุตสาหะเพื่อบรรลุจุดหมายของการศึกษาทุกประการ ชาวไทยถือว่าเมื่อเริ่มต้นการเล่าเรียนศิลปะวิทยาการต่างๆ เช่น ดนตรี นาฏศิลป์ กระบี่กระบอง ชกมวย ตลอดจนการเรียนหนังสือจะต้องเริ่มต้นด้วยการแสดงความเคารพบูชาครูก่อนจึงจะทำให้การเล่าเรียนเป็นไปด้วยดี และสำเร็จตามความมุ่งมาดปรารถนา

 
                 พระธรรมสดุดี 111:10 " ความยำเกรงพระเจ้าเป็นที่เริ่มต้นของสติปัญญา บรรดาผู้ที่ปฏิบัติ
ตามก็เกิดความเข้าใจที่ดี "
               (The fear of the Lord is the beginning of wisdom) นั่นคือหากปรารถนาสติปัญญา ความรอบรู้ ความเข้าใจ เพื่อให้ตนเองเป็นผู้ที่ได้รับความสำเร็จในทุกประการ ก็ต้องให้ความเคารพยำเกรงถวายเกียรติแก่พระเจ้าเป็นอันดับแรก
               พระธรรมสุภาษิต 1: 7 "ความยำเกรงพระเจ้าเป็นบ่อเกิดของความรู้ "
บ่อยครั้งที่เรามองข้ามความจริงข้อนี้ไป โดยคิดอย่างผิวเผินว่าสติปัญญาความรู้เป็นสิ่งที่เราหาเองได้โดยการเรียนรู้หรือแสวงหาจากประสบการณ์ในชีวิต ไม่ต้องพึ่งใครก็ฉลาดได้แต่พระวจนะของพระเจ้าได้ยืนยันความจริงที่ว่า ปัญญาจะเกิดได้เมื่อบุคคลผู้นั้นมีความเคารพยำเกรงพระเจ้าผู้ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญาเพราะหากปราศจากความเคารพยำเกรงแล้ว เราย่อมถูกล่อลวงให้ตัดสินใจเลือกเดินในทางที่ผิดได้เสมอ
               พระธรรมสุภาษิต 15:33 " ความยำเกรงพระเจ้า คือการเรียนรู้ที่แท้จริง"(The fear of the Lord is an education in itself) การกระทำเช่นนี้ คือ จุดเริ่มต้น(Starting point) ที่จะนำบุคคลนั้นให้ถึงซึ่งความสำเร็จเพราะความยำเกรงความเคารพพระเจ้า คือ แก่นแท้หรือเนื้อแท้ของปัญญา
               ปัญญานั้นไม่ได้มาด้วยการสร้างกฎเกณฑ์หรือหลักการใดๆทั้งสิ้น แต่ได้มาด้วยการมีสัมพันธภาพที่ดีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา เช่นเดียวกับการที่ศิษย์มีความเคารพบูชา ครูบาอาจารย์ของตน เชื่อกันว่าจะทำให้วิชาความรู้ในตัวของศิษย์เพิ่มพูนยิ่งขึ้น การไหว้ครูตามความหมายที่แท้จริงนั้นจึงอยู่ที่การแสดงความกตัญญูต่อครูของลูกศิษย์อันจะเป็นพรให้ศิษย์นั้น ได้รับปัญญาและนำพาสู่ความสำเร็จในชีวิต

ปัญญามีความสำคัญอย่างไร
ประการแรก : ปัญญาทำให้ใบหน้ามีสง่าราศี
               พระธรรมปัญญาจารย์ 8: 1 "….. สติปัญญาของมนุษย์กระทำให้ใบหน้าของเขาผ่องใส ลบรอยเศร้าหมอง และความหยาบกระด้าง"
               (Wisdom brightens a man's face and makes their frowns disappear)
               คนมีปัญญา คนฉลาด เรามองเห็นแววตาที่ดูสดใสใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ดูมีสง่าราศี เพราะปัญญาทำให้เขาเข้าใจถึงการดำเนินชีวิตที่สอดคล้องตามน้ำพระทัยของพระเจ้า และรู้ว่าอะไรดี อะไรชอบ อะไรยอดเยี่ยม
               พระธรรมสุภาษิต 8:17 "….บรรดาผู้ที่แสวงหาพระเจ้าก็พบปัญญา" ปัญญาจึงทำให้ความเศร้าหมองหายไป มีความชื่นชมยินดีเกิดขึ้นทำให้ใบหน้าของเขาสดชื่น มีสง่าราศี

ประการที่สอง : ปัญญานำสู่ความสำเร็จ (Wisdom brings true success)

               พระธรรม 1 ซามูเอล 18:14 " ดาวิดทำสิ่งใดก็พบกับความสำเร็จทุกประการเพราะพระเจ้า
ทรงสถิตอยู่กับท่าน"(He was successful in all he did, because the Lord was with him.)
บุคคลที่มีความเคารพยำเกรงพระเจ้า ดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระองค์ก็จะพบปัญญา ด้วยปัญญานั้นเองเขาจึงสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ และประสบการณ์เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่สังคม และประเทศชาติ
ท่อนหนึ่งของบทไหว้ครูความว่า
               " ขอเดชกตเวทิตา อีกวิริยะพา ปัญญาให้เกิดแตกฉาน ศึกษาสำเร็จทุกประการ " จึงมีความหมายว่า ขออำนาจแห่งความกตัญญูรู้คุณ อีกทั้งความเพียรพยายามทำให้ข้าพเจ้าผู้เป็นศิษย์ได้รับสติปัญญา ซึ่งจะนำพาสู่ความสำเร็จทางการศึกษาทุกประการ ดังพระวจนะที่กล่าวว่า ความยำเกรงพระเจ้าเป็นที่เริ่มต้นของปัญญา บรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามก็จะได้รับความรู้ความเข้าใจ

               ขอพระเป็นเจ้าผู้เป็นบ่อเกิดแห่งปัญญาประทาน สติปัญญาและความสำเร็จแก่นักเรียนทุกคนผู้มาไหว้ครูด้วยใจเคารพบูชา


อาเมน...