น้ำหนึ่งใจเดียวกัน (Spirit of unity)
 
 


วิศรุต จินดารัตน

                     พระธรรมเอเฟซัส 4:2-3 "จงมีใจถ่อมลงทุกอย่าง และใจอ่อนสุภาพอดทนนาน และอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก จงเพียรพยายามให้คงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน "

 
 

        ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หมายถึง การให้ความร่วมมือกันในการทำงานร่วมกัน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ร่วมในพันธบริการด้วยกัน หลอมรวมกำลังใจ กำลังกาย กำลังปัญญา เข้าด้วยกัน ทำให้เกิดพลังร่วม , พลังคูณ (synergy) โดยผลที่ได้จากการกระทำร่วมกันนั้นจะมีค่ามากยิ่งกว่าต่างคนต่างทำ ก่อให้เกิดศักยภาพและทำให้สังคมเข้มแข็ง และมีเอกภาพ
        เอกภาพที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร พระธรรมโรม 12:4-5 "เพราะว่าในร่างกายเดียวกัน เรามีอวัยวะหลายอย่าง และอวัยวะนั้นๆ มิได้ทำหน้าที่เหมือนกันฉันใด พวกเราผู้เป็นหลายคนยังเป็นกายอันเดียวในพระคริสต์ และเป็นอวัยวะแก่กันและกันฉันนั้น "
        
ท่านเปาโลผู้เขียนพระธรรมโรมได้นำเอาเอกภาพของร่างกายซึ่งมีอวัยวะหลายอย่างที่ทำหน้าที่ต่างกันมาเปรียบเทียบให้เราเข้าใจถึงการทำงาน การอยู่ร่วมกันด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แม้เราจะทำหน้าที่ต่างกันบางคนเป็นผู้สอน บางคนเป็นผู้สนับสนุน บางคนวางแผน บางคนปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ เหมือนร่างกายที่ประกอบด้วย มือ เท้า หู ตา สมอง ถึงกระนั้นทุกส่วนก็ต้องทำงานอย่างสอดประสานกัน มีความเชื่อมโยงกัน มีความเป็นองค์รวม จะขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ได้ ต้องร่วมมือ (cooperate) ประกอบเป็นร่างกายเดียวกัน (a single , unified body) มีความเป็นหนึ่ง ( Oneness )

ความสำคัญของการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
        
พระธรรมสดุดี 133:1 "ดูเถิดซึ่งพี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกัน มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนั้นก็น่าชื่นใจยิ่งนัก…"
        กษัตริย์ดาวิดได้ชี้ให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในหมู่พี่น้องที่อาศัยอยู่ด้วยกันนั้นว่ามีค่ามากที่สุด เป็นความชื่นชมยินดี มีสมานฉันท์
ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องมีความเห็นเหมือนกันในทุกเรื่อง พระประสงค์ของพระเจ้าในการสร้างมนุษย์มานั้นให้แต่ละคนมีของประทาน มีความสามารถที่หลากหลาย มีทักษะที่แตกต่างกันไปเหมือนกับโน้ตเพลงที่ต้องมีระดับเสียง (pitch) สูงต่ำต่างกันไป แต่เมื่อบรรเลงออกมาแล้วย่อมสอดประสานเป็น Chord และทำนองที่มีความไพเราะเพราะพริ้ง เช่นเดียวกับการทำงานร่วมกันซึ่งแต่ละคนย่อมต้องมีข้อตกลงร่วมกันเพื่อให้การทำงานของเรานั้นกลมกลืน สอดประสาน (work in harmony) อันสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชาววัฒนา คำว่า " harmony " ในภาษาดนตรีหมายถึงศิลปะในการบรรเลงเสียงโน้ตที่ต่างกันให้รวมกันเป็นกลุ่มโน้ต หรือ Chord
        พระธรรม 1 โครินธ์ 1:10 "พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าวิงวอนท่านในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ขอให้ท่านปรองดองกัน อย่าถือพรรคถือพวก แต่ขอให้ท่านเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน "

ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความมีเอกภาพจะเกิดขึ้นในครอบครัววัฒนาได้ ด้วยปัจจัยสามประการดังนี้
        1. ด้วยใจถ่อมและใจอ่อนสุภาพ : (with lowliness and gentleness)
                 พระธรรมเอเฟซัส 4:2-3 "จงมีใจถ่อมลงทุกอย่างอละใจอ่อนสุภาพ อดทนนาน อดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก"
        คำว่า "ความนอบน้อมถ่อมตน" (lowliness) เป็นคำที่ไม่มีปรากฎในภาษาโรมันหรือภาษากรีกในสมัยนั้น สันนิษฐานว่าเป็นคำที่พวกคริสเตียน หรือท่านเปาโลเองได้เป็นผู้คิดคำนี้ขึ้นมา เพื่ออธิบายคุณลักษณะของการมีใจถ่อมสุภาพที่ไม่มีคำใดมาเทียบเคียงความหมายได้ อีกทั้งคำว่า "อดทนนาน" (longsuffering) ซึ่งมีความหมายว่า มีความเป็นผู้ใหญ่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ด้วยความสุภาพ และคำว่า "อดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก" (bearing with one another in love) นั้นย่อมต้องอาศัยความถ่อมสุภาพ ความอดทนที่เรามีต่อผู้ร่วมงานของเราอย่างสม่ำเสมอและไม่มีข้อแม้         เพื่อให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเราต้องยอมให้องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้นำ โดยที่เราเองต้องเต็มใจทำตาม เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นเพราะใจที่ถ่อมและอ่อนสุภาพนั้นเป็นรากฐานทางคุณธรรมของชาววัฒนาทุกคน
                 พระธรรมยากอบ 4:6 "พระเจ้าทรงต่อสู้กับผู้ที่หยิ่งจองหอง แต่ทรงประทานพระคุณแก่ผู้ที่มีใจถ่อม"
ความถ่อมใจและความสุภาพย่อมจะขจัดความขัดแย้งและก่อให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีความเป็นเอกภาพร่วมกันในบ้านหลังนี้

        2. ด้วยความรักและการให้อภัย : ( with love and forgiving )
                 พระธรรมโคโลสี 3:13-14 "จงผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกันและถ้าแม้ว่าผู้ใดมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงยกโทษให้กันและกัน … แล้วจงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เพราะความรักย่อมผูกพันทุกสิ่งไว้ให้ถึงซึ่งความสมบูรณ์ "
        แม้เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากยิ่ง แต่การยกโทษให้ผู้อื่นนั้นเราต้องระลึกเสมอว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ยกโทษแก่เรามาแล้วฉันใด เราต้องกระทำอย่างนั้นแก่เพื่อนบ้านของเรา
เพราะพระองค์ทรงวางแบบอย่างแก่เราแล้ว โดยทรงยกบาปทั้งสิ้นของเรา ดังนั้นเราต้องเต็มใจยกโทษแก่ผู้อื่นด้วยเช่นกัน จึงจะทำให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวในบ้านวัฒนาแห่งนี้

        3. ด้วยการรับเอาแบบอย่างขององค์พระเยซูคริสต์ : (with the example of Christ)
                 พระธรรมโรม 15:5 " ขอพระเจ้าผู้ประทานความอดทนและกำลังใจทรงโปรดให้ท่านมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันตามแบบอย่างขององค์พระเยซูคริสต์ "
เพื่อให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทุกคนในครอบครัววัฒนาต้องรับเอาแบบอย่างขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าผู้ทรงเป็นแบบอย่างของความถ่อมสุภาพ ความอดทนอดกลั้น มีใจเมตตาต่อกัน มีความรักและให้อภัย
                 พระธรรมโรม 5:4 "ความอดทนทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ "
        ในฐานะครูผู้รับผิดชอบต่อการสร้างศิษย์ให้เป็นผู้ที่มีคุณธรรมนำวิชาการซึ่งเป็นพันธกิจหลักที่ได้รับมอบหมาย เราเองจึงต้องเป็นแบบอย่างแก่ศิษย์และคนในสังคมจะได้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มี "Spirit of unity " ทั้งนี้เพื่อสร้างสังคมวัฒนาวิทยาลัยของเราให้เป็น สังคมที่มีความผาสุขอย่างยั่งยืน โดยยึดพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพื้นฐานและให้พระองค์เป็นศูนย์กลางในชีวิตของเรา (Bible based ,Christ centered ) ดังคำกำชับของท่านเปาโล
                 พระธรรม 2ทิโมธี 2:24 "ในฐานะที่เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ท่านทั้งหลายต้องไม่ทะเลาะกัน แต่มีใจเมตตาต่อกันและกัน เป็นครูที่ดีมีความอดทน "
        
                  ขอแสดงความยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่สู่บ้านวัฒนาหลังนี้ให้เราอยู่ร่วมกันและทำงานร่วมกัน อย่างคนที่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ( To live and to work in harmony )



อาเมน...