ราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ”
( We shall reign in righteousness for the benefits and happiness of the Siamese people )
 

 

พระธรรมสดุดี 33 : 5 “ พระเป็นเจ้าทรงรักความชอบธรรม และความยุติธรรม แผ่นดินโลก เต็มด้วยความรักมั่นคงของพระองค์ ” ( The Lord loves righteousness and justice; the earth is full of his unfailing love )

วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 รัฐบาลไทยได้น้อมเกล้าฯ จัดพิธีบรมราชาภิเษกถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ทรงขึ้นครองราชย์ ซึ่งเรียกอย่างเป็นทางการว่า “ วันบรมราชาภิเษก ” และในระหว่างพิธีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระปฐมบรมราชโองการตอบพระราชทานอารักขา แก่ปวงชนชาวไทยว่า “ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ” เหล่าพสกนิกรชาวไทยจึงได้ถือเอาวันที่ 5 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันฉัตรมงคลรำลึกนับแต่นั้นเป็นต้นมา

 

 
“ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ” ( We shall reign in righteousness for the benefits and happiness of the Siamese people ) เป็นพระปฐมบรมราชโองการที่แม้จะสั้น แต่ก็ได้ความหมายลึกซึ้ง แสดงให้เห็นถึงพระราชปณิธานตั้งมั่นที่จะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจปกครองราชอาณาจักรไทย โดยทศพิธราชธรรมจริยา ถือเป็นพระปฐมบรมราชปณิธานที่จะทรงอุทิศพระวรกาย พระราชหฤทัย และหยาดพระเสโท บำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อให้ความร่มเย็นเป็นสุขทั่วแผ่นดินไทย ทรงเป็นระมหากษัตริย์ เพื่อได้มีโอกาสรับใช้ประเทศชาติอย่างเต็มที่มิใช่เพื่อประโยชน์ของพระองค์เองแต่เพื่อประชาชนชาวไทยทั้งปวง

“ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม ” ( We shall reign in righteousness ) จึงมีความหมายว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้ธรรมะเป็นหลักในการทำงาน ใช้คุณธรรมเป็นกฎเกณฑ์ในการบริหารจัดการ และมีพระราชสัตยาธิษฐานจะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจปกครองราชอาณาจักรไทย โดยทศพิธราชธรรมจรรยา ทั้งนี้เพื่อให้ชาวไทยทุกคนได้รับประโยชน์และมีความสุข ( public benefits and happiness )

พระปฐมบรมราชโองการจึงมีนัยสำคัญ 3 ประการ ดังนี้

ประการแรก : ทรงปกครองด้วยการเอาใจใส่ ( reign with diligence )

 

พระธรรมโรม 12 : 8 “ ........ ผู้ที่ครอบครองก็จงครอบครองด้วยเอาใจใส่....... ”

พระวจนะของพระเจ้าพูดถึงความเป็นผู้นำที่ต้องทำหน้าที่ของตนด้วยความขยันขันแข็ง หมั่นเพียร มุมานะบากบั่น มีความรับผิดชอบอย่างจริงจัง ( take responsibility seriously ) ต่อภารกิจที่ได้รับมอบหมาย เอาใจใส่ความเป็นอยู่ของผู้ใต้บังคับบัญชา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เป็นช่วงเวลาที่ทรงงานเพื่อประชาชนชาวไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรเพื่อจะทรงทราบถึงทุกข์สุข สภาพความเป็นอยู่ และปัญหาที่แท้จริงของเขา ทรงถือเป็นพระราชภาระที่จะต้องทรงคิดค้นหาวิธีการทดลองปฏิบัติเป็นโครงการนำร่อง เพื่อแก้ปัญหาความยากจนของราษฎรด้วยพระองค์เอง ก่อนที่จะพระราชทานเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 3,000 โครงการ ที่ล้วนส่งผลต่อการกินดีอยู่ดี ของราษฎรอีกทั้งมีการตรวจสอบติดตามการประเมินผลโครงการต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริจึงมีอยู่ทั่วทั้งประเทศ มีเป้าหมายเพื่อศึกษาวิจัยหาคำตอบ เพื่อพัฒนาส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกรให้มีความรู้ความเข้าใจต่อกระบวนการผลิตอย่างแท้จริง

จากการทรงงานอย่างขยันขันแข็งแสดงให้เห็นถึงพระขัตติยมานะพระวิริยะอุสาหะ ที่เปี่ยมด้วยความเมตตาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อราษฎรอย่างหาที่สุดไม่ได้นั้น เป็นที่ตระหนักและซาบซึ้งในหมู่มวลพสกนิกร ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงยอมตรากตรำพระวรกายเพื่อปวงชน ทรงปกครองด้วยการเอาใจใส่ ( reign with diligence )

ประการที่สอง : ทรงปกครองด้วยความเสียสละ ( reign with sacrifices )

พระธรรมมาระโก 10 : 45 “ เพราะว่าบุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่ท่านมาเพื่อจะ

ปรนนิบัติเขา และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก ”

องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงสละพระชนม์ชีพของพระองค์เพื่อเป็นค่าไถ่ให้มนุษย์

รอดพ้นจากความผิดบาป เพราะเราไม่สามารถจ่ายค่าไถ่ด้วยตัวเองได้ มีแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่จะยอมเสียสละเพื่อเราทุกคน ให้ได้รับความรอด

การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมประชาชนตามชนบทห่างไกล ยอมลำบากตรากตรำ พระวรกายก็เพื่อแสวงหาแนวทางในการแก้ปัญหาความยากจนแก่ประชากรของพระองค์ ทรงทำนุบำรุงประชาราษฎร์ด้วยความเสียสละโดยไม่พระราชประสงค์สิ่งใดเป็นการตอบแทน นอกจากเห็นความร่มเย็นเป็นสุขและความสามัคคีของคนในชาติ นี่คือชีวิตของผู้ที่ปกครองด้วยความเสียสละ

ประการสุดท้าย : ทรงปกครองด้วยความชอบธรรม ( reign in righteousness )

คำว่า “ ความชอบธรรม ” ( righteousness ) ในพระคริสตธรรมคัมภีร์มีความหมายใกล้เคียงกับคำว่า “ ความยุติธรรม ” ( justice ) เป็นคำที่ต้องมีการกระทำควบคู่กันไปด้วย

พระธรรม 2 พงศาวดาร 1 : 11 “ ......พระเจ้าตรัสตอบซาโลมอน ว่า เจ้าได้เลือกในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

เพราะเจ้าไม่ได้ขอความมั่งมี หรือทรัพย์สมบัติ หรือเกียรติยศชื่อเสียง หรือขอให้ศัตรูของเจ้าจงพินาศไป ทั้งมิได้ขอชีวิตที่ยืนยาวเพื่อตัวของเจ้าเอง แต่เจ้าได้ขอปัญญาและความรอบรู้เพื่อเจ้าจะสามารถปกครองประชาชนของเรา ผู้ซึ่งเราได้ตั้งให้เจ้าเป็นพระราชาเหนือเขา

กษัตริย์ซาโลมอนได้ทูลขอสติปัญญาจากพระเป็นเจ้า เพื่อจะได้นำความรู้ความ

เข้าใจที่ได้รับมานั้นเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อีกทั้งขอให้มีจิตวินิจฉัยผิดชอบชั่วดี รู้ได้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดเป็นที่ชอบ และสิ่งใดยอดเยี่ยมในสายพระเนตรของพระเป็นเจ้า ( The ability to discern what is best ) ทั้งนี้เพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่คนโดยส่วนรวม คำอธิษฐานทูลขอของกษัตริย์ซาโลมอนจึงเป็นที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้าอย่างยิ่ง

“ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่ออประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ” ( We shall reign in righteousness for the benefits and happiness of the Siamese people ) เป็นพระปฐมบรมราชโองการที่กระชับ แต่กินความหมายลึกซึ่งยิ่ง แสดงถึงพระราชปณิธานที่แน่วแน่ในการปรนิบัติพระราชกรณียกิจ เพื่อประเทศชาติและปวงชนชาวไทย ให้เกิดความเป็นธรรม ความมั่นคงและสงบสุขโดยมิได้เลือกเชื้อชาติ วรรณะและศาสนา ความจริงข้อนี้ยืนยันได้จากการแสดงสุนทรพจน์ ของ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ที่ห้องวิเทศสโมสร การทรวงต่างประเทศ โอกาสที่นายโคฟีอันนัน ( Mr. Kofi Annan ) เลขาธิการสหประชาชาติ พร้อมภริยาเดินทางมาเยือนประเทศไทย ในฐานะแขกของรัฐบาลเพื่อทูลเกล้าถวายรางวัล “ ความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ ” แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และร่วมอภิปรายในหัวข้อ “ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการพัฒนามนุษย์ ” ( His Majesty the King and Human Development ) โดยจะขอหยิบยกจากคำกล่าวตอนหนึ่งของท่านประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

Sixty years ago, at His Majesty's coronation in 1946, His Majesty articulated his overriding goal: “We shall reign in righteousness for he benefits and happiness of the Siamese people” Those words encapsulate the commitment of His Majesty to placing the people of Thailand at the very heart of His reign and at the center of His initiatives”

ในฐานะข้าราชบริพารที่ได้รับสิทธิอันทรงเกียรติในการเฝ้าติดตามพระราชกรณี ยกิจอย่างใกล้ชิด พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ได้แสดงสุนทรพจน์ที่สะท้อน พระวิริยะ และความมุ่งมั่นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะทรงทุมเททุกอย่างเพื่อประชาชนชาวไทย ผู้อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร ให้ได้รับการพัฒนาและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นับเป็น 60 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติ เป็นเวลาที่ทรงงานอย่างต่อเนื่องเพื่อประชาชนชาวไทย ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ปกครองด้วยเอาใจใส่ ( reign with diligence ) ปกครองด้วยความเสียสละ ( Reign with sacrifices ) และปกครองด้วยความชอบธรรม ( reign in righteousness ) ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่น ( for the benefits of many ) เราชาววัฒนาทุกคนจึงขอขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับในหลวงผู้ที่เรารักและเทิดทูน คนไทยทุกคนจะต้องสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์สืบไป

ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรง พระเจริญยิ่งยืนนาน อาเมน