ความสว่างของโลก ( The light of the world )

 

 

ความสว่างเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีพของสิ่งที่มีชีวิต คน สัตว์ และพืช ที่ล้วนอาศัยแสงแดดเพื่อความเจริญเติบโตท่ามกลางความมืดหรือในคืนที่มืดมิด หากเราจะจุดเทียบไขแม้เล่มเล็กสักอันหนึ่ง ก็ย่อมเกิดความสว่างพอที่จะทำให้เห็นได้ ขับไล่ความกลัวพ้นไป แน่นอนทุกคนย่อมเลือกอยู่ในด้านสว่าง ด้านที่มีความชื่นชมยินดี ด้านที่เป็นความดีเสมอ ( Keep on the sunny side of life )

 

พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้พูดถึงความหมาย และความสำคัญของความสว่างไว้ดังนี้

ประการแรก : ความสว่างทำให้ทุกคนเห็นได้ ( Light is the brightness that lets us see things )

พระธรรมมัทธิว บทที่ 5 : 14 “ ....นครหรือเมืองซึ่งตั้งอยู่บนภูเขา จะปิดบังไว้ไม่ได้ ” ( A city on a hill cannot be hidden )

เพราะแสงไฟที่ผู้คนจุดหรือเปิดในเมืองจึงทำให้คนที่อยู่ห่างไกลเห็นได้ ยิ่งเป็นเมืองที่อยู่บนภูเขาสูงก็ยิ่งมีความชัดเจนมาก แม้ในตอนกลางคืนก็เห็นได้ เช่นเดียวกันกับชีวิตของเราที่ใครๆ ก็สามารถมองเห็นได้ เพราะความเป็นนักเรียนวัฒนาที่มีแสงแห่งความดี ตั้งแต่รุ่นพี่ๆ สืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้

เราไม่อาจปิดบังซ่อนเร้น เมืองที่อยู่บนที่สูงได้อย่างไร เช่นเดียวกันที่การกระทำของเราก็ไม่อาจหลบให้พ้นจากสายตาของสังคมได้ ดังนั้นตัวเราเองก็ต้องก้าวออกมาจากสิ่งที่ไม่ดี จากความบาป จากความมืด และฉายแสงของความรักพระเจ้าแก่สังคม เพื่อนบ้านของเรา เพื่อให้ทุกคนได้เห็น

ประการที่สอง : ความสว่างเป็นเครื่องหมายของความดี ( Light symbolizes goodness )

ความดีย่อมอยู่ตรงข้ามกับความชั่ว ความสว่างก็ย่อมอยู่คนละด้านกับความมืด พระวจนะของพระเจ้าหลายตอนที่พูดถึงความสว่างซึ่งเป็นเครื่องหมายของความดี

พระธรรมสดุดี บทที่ 112 : 4 “ ความสว่างจะส่องเข้าไปในความมืดเพื่อบรรดาคนเหล่านั้นที่เป็นคนดี ”

แสงสว่างช่วยขับไล่ความมืดให้หายไปเช่นไร เราทุกคนซึ่งเป็นลูกของพระเจ้า เป็นความสว่างของโลกย่อมต้องตัดขาดจากความมืดซึ่งเป็นความชั่วร้าย

พระธรรมสุภาษิต บทที่ 4 : 18-19 “ แต่วิถีของคนชอบธรรมเหมือนแสงอรุณซึ่งฉายสุกใสยิ่งขึ้น ๆ จน เต็มวัน ทางของคนชั่วร้ายก็เหมือนความมืดทึบ เขาไม่ทราบว่าเขา สะดุดอะไร ”

หมายความว่า หนทางของคนดี หรือทางเดินของเขาย่อมสว่างขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเวลาเช้า สาย เที่ยงวัน ซึ่งจะตรงข้ามกับวิถีของคนชั่วร้าย ที่ต้องพบกับความมืดยิ่ง ๆ ขึ้น จนเท้าของเขาต้องสะดุดและล้มลง

ประการสุดท้าย : “ จงส่องสว่างแก่คนทั้งหลาย ” ( Let your light shine for all )

พระธรรมมัทธิว 5 : 15 “ เมื่อจุดตะเกียงแล้ว ไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น ”

เมื่อจุดตะเกียงและเกิดแสงสว่างแล้ว หากนำถังมาปิดครอบไว้ ไม่นานตะเกียงก็จะดับ เช่นเดียวกันกับการที่เราได้รับการอบรม สั่งสอน มีความรู้คู่คุณธรรมต้องไม่เก็บไว้คนเดียว ( Don't hide your light ) หรือเอาถังครอบไว้ แต่ต้องแบ่งปันแสงสว่างนั้นแก่ทุกคน ฉายแสงแห่งความดีที่มีในตัวเราแก่สังคม ช่วยให้สังคมที่ตกอยู่ในความมืดได้พบกับความสว่าง เป็นโคมไฟอยู่บนที่สูงส่องสว่างไปไกล ( A light that can be seen for miles ) คุณค่าความดีงามในชีวิตของชาววัฒนา ที่สืบทอดกันมากกว่าร้อยสามสิบปีเป็นเหมือนโคมไปดวงใหญ่ที่ส่องแสงแห่งคุณธรรมไปในสังคมไทย ทำให้คนทั้งหลายเห็นคุณงามความดี ของสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของเราคนทั้งหลายจะเห็น พระเจ้าในชีวิตของเรา ( goodly life )

พระธรรมมัทธิว บทที่ 5:16 “ ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งหลาย เพื่อว่า เมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงสถิตย์อยู่ในสวรรค์ ”

ขอให้ชาววัฒนาทุกคนเป็นแสงสว่างแห่งความดีมีคุณธรรม และความรักของพระเจ้า ให้ส่องสว่างแก่สังคมไทยตลอดไป ( Let your light shine for all )